Tuesday, 3 December 2013

Recipe Talk: Lemon Butter Cookies

เลมอนเป็นสิ่งที่บัวจะมีติดตู้เย็นที่บ้านไว้เสมอ เพราะใช้ง่าย ใช้กับอาหารก็ได้ ใช้กับเครื่องดื่มก็ได้ วันนี้บัวเลยคิดว่าอยากจะแชร์สูตร บัตเตอร์คุกกี้เลมอน กับเพื่อนๆ เป็นสูตรที่ใช้ของน้อยมาก และที่สำคัญทั้งหอมและอร่อย 


สูตรของบัวได้ถูกปรับมาจากสูตร Lemon Butter Cookies ของ Meghan Reckling แห่ง A Taste of Meghan's Kitchen ถ้าเพื่อนๆสนใจ ก็เตรียมของดังนี้เลยค่ะ

สำหรับคุกกี้
  • แป้งอเนกประสงค์ 160 กรัม
  • น้ำตาล 75 กรัม
  • ผิวมะนาว (ขูดเป็นเส้นเล็กๆ) 3 ช้อนโต๊ะ
  • เนยจืด 215 กรัม ตัดเป็นก้อนประมาณ 1 นิ้ว และแช่เย็นไว้
  • ไข่แดง 1 ฟอง
สำหรับเกลส
  • น้ำตาลไอซิ่ง 80 กรัม
  • น้ำเลมอน 1 ช้อนโต๊ะ
  • วานิลลาสกัด 1 ช้อนชา
ถ้ามีของครบแล้ว เรามาเริ่มกันเลยนะคะ 
  1. อุ่นเตาอบไว้ที่ 180 องศา และวางกระดาษอบขนมไว้บนถาดอบขนม
  2. ผสมแป้งอเนกประสงค์ น้ำตาล และผิวมะนาวเข้าด้วยกัน หลังจากนั้นนำเนยก้อนๆมาใส่ลงไปและเริ่มใช้มือบี้ผสมกันจนได้ส่วนผสมที่เหมือนผงขนมปังหรือทรายหยาบ พอได้ประมาณนั้นแล้วก็ใส่ไข่แดงลงไป ใช้มือบี้ผสมให้เข้ากันกับส่วนผสมทั้งหมด เมื่อได้ที่แล้วก็นำไปพักไว้ในตู้เย็นประมาณ 30 นาที

  3. ระหว่างรอก็ทำเกลสเตรียมไว้ ผสมน้ำตาลไอซิ่ง น้ำเลมอน และวานิลลาสกัดเข้าด้วยกันให้เนียนและพักไว้
  4. หลังจาก 30 นาที นำส่วนผสมคุกกี้ออกมาจากตู้เย็น ใช้มือปั้นคุกกี้เป็นก้อนเล็กๆวางไว้บนถาดอบขนม น่าจะปั้นได้สัก 8 ก้อนต่อ 1 ถาด คุกกี้ที่เหลือทียังไม่ได้ปั้นให้เก็บไว้ในตู้เย็นก่อน หลังจากนั้นก็ใช้ส้อมกดก้อนคุกกี้ตามแนวขวางและต่อด้วยตามแนวตั้ง 


  5. อบคุกกี้ประมาณ 12 นาที เมื่ออบเสร็จให้ปล่อยให้เย็น

  6. ใช้ช้อนเล็กๆราดเกลสไปบนคุกกี้ที่เย็นแล้ว และปล่อยให้เกลสแข็งตัวก่อนเก็บเข้าภาชนะสูญญากาศ
ง่ายใช่ไหมคะ ทั้งกลิ่นและรสบางๆของเลมอนในบัตเตอร์คุกกี้เลมอนนี้ทำให้ความอร่อยมากขึ้นอีก ใครลองทำดูแล้วมีความคิดเห็นยังไง บอกกันได้นะคะ ที่คอมเม้นด้านล่างค่ะ

จนกว่าจะถึงคราวหน้า ขอให้สนุกกับการทำอาหารนะคะ <3 <3 <3

* --- * --- * --- * --- * --- * --- * --- * --- * --- * --- * --- * --- *

Lemons are something I always have in my refridgerator. I thought I could share with you a simple cookie recipe that is delicious and easy to do. I came across Lemon Butter Cookies by Meghan Reckling of A Taste of Meghan's Kitchen. I have made a bit of changes, but here is what I use and how I bake my version of Lemon Butter Cookies. Start off with things you will need.

For Cookies

  • 160 g All Purpose Flour
  • 75 g Sugar
  • 3 Tablespoons of Lemon Zest
  • 215 g Unsalted Butter, Diced into 1 inch cube, Cold
  • 1 Egg Yolk

For Glaze

  • 80 g Icing Sugar
  • 1 Tablespoon of Lemon Juice
  • 1 Teaspoon of Vanilla Extract

Once you have everything, let's get started.
  1. Preheat your oven to 180 Celsius. Line your baking tray with parchment paper.
  2. Mix together all purpose flour, sugar and lemon zest. Then throw in unsalted butter cubes and start working it with your hand until you get the consistency of bread crumbs or wet sand. After that, add egg yolk to the crumbs and start blending until you get a nice dough. Chill the dough in the refridgerator for 30 minutes.
  3. Meanwhile work on the glaze, beat together icing sugar, lemon juice and vanilla extract until they are well combined. Set aside.
  4. After 30 minutes, remove the dough from the refridgerator and start forming little balls and place on the baking tray. Use a fork to create a fork print effect on each cookie ball. If you cannot bake all cookies dough at once, store in the refrigerator while the previous batch is being baked.
  5. Once the fork print process is done, bake the cookis for 12 minutes. After 12 minutes, remove from tray and let them cool.
  6. Drizzle the glaze over the cookies and let the glaze harden before store in airtight containers.

Give this recipe a try. Lemony smell and flavor make these cookies soooooo nice! Let me know what you think of the recipe down below.

Until next time, stay full and stay happy. <3 <3 <3 

Monday, 2 December 2013

Restaurant Review: Stamina-En @ Nihonmachi

บัวเป็นคนที่มักจะหาที่ทานเนื้อ ไม่ว่าจะเป็นเนื้อย่าง ซูชิเนื้อ ข้าวหน้าเนื้อ สเต็กและรูปแบบอื่น บอกตรงๆเลยว่าเป็นคนรักเนื้อและการทานเนื้อ แต่ประมาณปีสองปีที่แล้วบัวพยายามทานเนื้อย่างให้น้อยลงเพราะเหตุผลทางสุขภาพ แต่วันนี้ขอเว้นไว้หนึ่งวันแล้วทำตามใจตัวเองสักหน่อย เลยเลือกไปทานที่ Stamina-En ที่อยู่ชั้น 2 ของ Nihonmachi ซอยสุขุมวิท 26 ต้องบอกเลยว่าไม่ผิดหวังแม้แต่น้อยและกลับบ้านมาด้วยความสุข การบริการที่กระตือรือร้นและสุภาพเป็นข้อที่บัวชอบของที่นี้ คงปฏิเสธไม่ได้ว่าบัวไม่ได้ไปร้านอาหารแค่หวังอยากทานอาหารที่อร่อยเท่านั้น ปัจจัยอื่นก็สำคัญกับการมีประสบการณ์ที่ดีกับร้านนั้นๆด้วย จริงไหมคะ มาต่อกันดีกว่า นอกเรื่องไปซะหน่อย การรีวิวนี้เป็นการรีวิวสั้นๆที่เน้นรูปมากกว่าการเขียน คุณภาพอาหารบ่งบอกในแต่ละคำที่บัวทาน และขอบอกเลยว่ามีความสุขมากที่ได้ลิ้มลอง แต่ร้านนี้ก็ยังไม่ข้อที่บัวไม่ได้ปลื้มมากมายนัก ก็เห็นจะเป็นเรื่องเตา ไฟแรงไปนิด แต่อันนี้ก็เป็นความชอบส่วนบุคคลของแต่ละคนนะคะ และแล้วเราก็มาถึงส่วนที่ดีที่สุดของการรีวิวนี้ รูปอาหาร! อ้อเกือบลืมบอก บัวสั่งเนื้อไปทั้งหมด 5 จานและมีกับแกล้มอื่นๆอีก 2 - 3 อย่างราคาทั้งหมดก็อยู่ที่ประมาณ 1,841.42 บาทค่ะ (ได้รับส่วนลด 30% จากยอดเต็มเดิม 2,458.50 บาท) 

I always look for places I can enjoy my beef in all forms. A year or two ago, you can usually find me eating grilled beef, but lately, I have been trying to stay off it for health reasons. I made an exception today and headed to Stamina-En, the one on the 2nd floor of Nihonmachi. Not only that I did not regret my decision, I was happy and impressed. The enthusiatic and tentative service of the waitors and waitresses is a big plus factor for me. After all, you are not just there for the food right? This is just gonna be a quick review with more food pictures than with more words. The quality of the beef was reflected in every bite I took and I was so happy. The only downside would probably be the heat of the grill. It is a bit too strong to grill the beef. You can either undercook or overcook. However, this depends on how each individual likes the grill. Ok now the best part... pictures! Enjoy! Almost forget to tell you guys that we ordered 5 beef dishes and a few side dishes and the total bill was 1,841.42 baht (we received 30% discount from 2,458.50 baht). 

Gyu Tan ลิ้นวัว
Tokujo Tan ลิ้นวัวพิเศษ 
Karubi 
Aka Mix

Harami ^___^

The Bill
หวังว่าจะชอบรุปกันนะคะ จนกว่าจะถึงคราวหน้า ขอให้สนุกกับการทานอาหารนะคะ <3 <3 <3

I hope you like the pictures. Until next time, stay full and stay happy. <3 <3 <3

Friday, 29 November 2013

Recipe Talk: Blueberry Banana Muffins

ด้วยสถานการณ์ตอนนี้ทำให้การเดินทางใช้เวลามากขึ้น คุณอาจต้องวางแผนเส้นทางในการไปทำงาน หรือรถอาจจะติดมากขึ้น ไม่ว่าจะด้วยอะไรก็ตาม อาหารเช้าที่คุณสามารถเตรียมไว้ล่วงหน้าและหยิบฉวยไปทางบนรถหรือที่ทำงานตอนเช้าได้นั้นเป็นความคิดที่ไม่เลวเลยใช่ไหมคะ 


บัวมีสูตร มัฟฟินบลูเบอร์รี่กล้วย มาให้เพื่อนๆลองทำไว้ทานตอนเช้า (หรือจะไว้ทานตอนสายๆหรือบ่ายก็ได้ตามต้องการ) สิ่งที่เพื่อนๆต้องใช้มีดังนี้ค่ะ

  • แป้งอเนกประสงค์ 50 กรัม
  • โอ๊ต 50 กรัม
  • น้ำตาลทรายแดง 35 กรัม
  • ผงฟู  1/2 ช้อนชา
  • เบกกิ้งโซดา 1/4  ช้อนชา
  • เกลือ 1/8 ช้อนชา
  • นมอัลมอนด์ (หรือนมชนิดใดก็ได้) 60 มิลลิลิตร
  • น้ำมันพืช 15 มิลลิลิตร
  • ซอสแอปเปิ้ล 50 กรัม
  • วานิลลาสกัด 1 ช้อนชา
  • ไข่ 1 ฟอง
  • กล้วยบด 1 ลูก
  • บลูเบอร์รี่ 40 กรัม

มีของครบแล้ว เริ่มกันเลยนะคะ

  1. ก่อนอื่นก็ต้องอุ่นเตาอบ ตั้งอุณหภูมิไว้ที่ไว้ที่ 200 องศา แล้วก็เตรียมแม่พิพม์มัฟฟินโดยการเอาถ้วยอบกระดาษวางรองไว้ในแต่ละหลุมหรือเอาน้ำมันทาแทน
  2. นำแป้งอเนกประสงค์ โอ๊ต ผงฟู เบกกิ้งโซดา และเกลือมาคลุกเคล้ากัน
  3. ตีนมอัลมอนด์ ซอสแอปเปิ้ล วานิลลาสกัด และไข่ให้เข้ากัน และพักไว้
  4. ผสมส่วนผสมแห้งและส่วนผสมเปียกเอาแค่พอให้เข้ากัน และหลังจากนั้นก็ใส่กล้วยบดและบลูเบอร์รี่เข้าไป ผสมให้ทั่ว
  5. ตักส่วนผสมแบ่งแต่ละหลุม บัวแบ่งได้ 4 หลุมพอดีค่ะ 
  6. อบมัฟฟินประมาณ 15 - 18 นาทีหรือเอาเท่าที่ไม้จิ้มฟันจิ้มออกมาแล้วสะอาดไม่มีเศษมัฟฟินติดออกมา


สูตรนี้ทำง่ายใช่ไหมคะ ถ้าใครชอบกลิ่นของกล้วยเหมือนบัวแล้วละก็ สูตรนี้ทำให้ห้องครัวหอมเป็นกลิ่นนี้กันเลยทีเดียว ลองสูตรนี้แล้วยังไง ติชมหรือแนะนำได้นะคะ 

จนกว่าจะถึงคราวหน้า ขอให้สนุกกับการทำอาหารค่ะ <3 <3 <3

* --- * --- * --- * --- * --- * --- * --- * --- * --- * --- * --- * --- *

With the current situation in Bangkok, it takes more time to travel to work or wherever in the morning. The grab-and-go breakfast ideas seem ideal at the moment. I have come up with Blueberry Banana Muffins that you can premake the night before and grab to eat while in traffic or at work. It takes less than 20 minutes to come up with these gorgeous stomach-filling breakfast muffins. If you are interested, here are the things you need.

  • 50 g All Purpose Flour
  • 50 g Oats
  • 35 g Brown Sugar
  • 1/2 Teaspoon Baking Powder
  • 1/4 Teaspoon Baking Soda
  • 1/8 Teaspoon Salt
  • 60 ml Almond Milk
  • 15 ml Vegetable Oil
  • 50 g Applesauce
  • 1 Teaspoon Vanilla Extract
  • 1 Egg
  • 1 Banana, Mashed
  • 40 g Blueberries

If you have everything, here are how to make the muffins.

  1. First thing first, preheat your oven to 200 celsius. Either line your muffin pan with cupake or muffin liners or greese the pan.
  2. Dry mixture. Combine all purpose flour, oats, brown sugar, baking powder, baking soda and salt together. Set aside.
  3. Wet mixture. Whisk together almond milk, vegetable oil, applesauce, vanilla extract and egg.
  4. Muffin mixture. Add dry mixture to the wet mixture and combine well. Then add mashed banana and blueberries (if you want more berries or more banana, go ahead and add them in). Toss to cover. 
  5. Scoop your muffin mixture into your muffin pan. The number of muffins depend on how you will divide the batter. I have 4 muffins at the end. 
  6. Bake for 15 to 18 minutes or until the toothpick comes out clean. 

Easy right? If you adore bananas like I do, you seriously will love how your kitchen smells after the baking session is done. Let me know how you like these muffins. 

Until next time, stay full and stay happy. <3 <3 <3

Thursday, 28 November 2013

Recipe Talk: Mushroom Stroganoff

บัวเป็นคนนึงที่ชื่นชอบบีฟสโตรกานอฟมาก การได้ทานบีฟสโตรกานอฟร้อนๆกับพาสต้าสักถ้วยถือเป็นของขวัญสำหรับบัวกันเลยทีเดียว รู้อย่างนี้แล้วเพื่อนๆคงจะไม่แปลกใจกับความตื่นเต้นของบัวที่ได้เจอสูตร สโตรกานอฟเห็ด ของ Gina Homolka แห่ง Skinny Taste เห็ดจะมีเนื้อสัมผัสและกลิ่นที่คล้ายคลึงกับเนื้อ เพราะฉะนั้นสโตรกานอฟเห็ดนี้เปรียบเสมือนการได้ลิ้มลองบีฟสโตรกานอฟแบบแคลอรี่ต่ำ ส่วนที่แตกต่างไปจากสูตรดั้งเดิมคือ แทนที่จะใช้เห็ดที่สูตรบอก บัวใช้เห็ดหอม เห็ดแชมปิญอง กับเห็ดพอชินี่แบบแห้งเพราะบัวหาเห็ดตามสูตรไม่ได้ ออกมาก็อร่อยไม่เบาเลยทีเดียว การใช้เห็ดพอชินี่แบบแห้ง เพื่อนๆก็ต้องนำเห็ดไปแช่น้ำเปล่าให้เห็นบานตัว ไม่ต้องทิ้งน้ำแช่เห็ดนะคะ เอาไปใช้กับสูตรได้ สูตรนี้ใช้เวลาไม่ถึงชั่วโมง นับตั้งแต่เตรียมส่วนผสม ไปจนถึงทำสโตรกานอฟเห็ดเสร็จพร้อมเสริฟค่ะ 


I have always loved Beef Stroganoff and I was super duper thrilled to find Mushroom Stroganoff by Gina Homolka of Skinny Taste. I found the recipe a couple of weeks ago, but I never had a chance to recreate the dish. I was super thrilled to share my experience of Mushroom Stroganoff with you guy. First thing first, since I could not find the cremini and baby bella mushrooms, I went for champion, shiitake and dried porcini mushrooms instead. Apart from that, I followed the recipe. The outcome was a heaven in a bowl. You should seriously considering trying this recipe. It will not take you more than an hour from preping everything to getting the Mushroom Stroganoff done. 


Thursday, 21 November 2013

Recipe Talk: Fudge Brownies

สวัสดีค่า กลับมาแล้วหลังจากห่างหายการบล๊อกไปซะหลายวัน กลับมาคราวนี้มาพร้อมกับสูตร "ฟัดจ์บราวนี่" ที่บัวทำให้เพื่อนๆและครอบครัวได้ทานกันค่ะ บัวปรับสูตรนี้มาจากสูตร Fudgy Brownie ของเชฟยูทูปคนโปรดของบัว เชฟ Laura Vitale และสูตร Best Cocoa Brownies จาก Smitten Kitchen


ถ้าใครชอบบราวนี่ที่มีผิวกรอบบางๆด้านบนและเนื้อที่แสนนุ่มและฉ่ำไปด้วยช็อกโกแลต ก็เตรียมของได้ตามด้านล่างนี้เลยค่ะ

  • เนยจืด (ทิ้งไว้ที่อุณหภูมิห้อง) 200 กรัม
  • ช็อกโกแลตดำ (ละลายแล้ว) 200 กรัม .... การละลายช็อกโกแลต บัวทำโดยการนำเข้าไมโครเวฟ 40 วินาที
  • น้ำตาล 250 กรัม
  • นม 75 มิลลิลิตร
  • วานิลลาสกัด 2 ช้อนชา
  • เกลือ 1/4 ช้อนชา
  • ผงฟู 1/2 ช้อนชา
  • ผงโกโก้ 80 กรัม
  • ไข่ไก่ (แช่เย็น) 3 ฟอง
  • กาแฟผง 1/2 ช้อนชา
  • แป้งอเนกประสงค์ 70 กรัม
  • ถั่ววอลนัท 80 กรัม
  • ช็อกโกแลตชิพขาว 70 กรัม

เตรียมของพร้อมแล้ว เรามาเริ่มกันเลยค่ะ

  1. อุ่นเตาไว้ที่ 170 องศา และก็เตรียมถาดอบบราวนี่โดยการเอาน้ำมันทาด้านในให้รอบหรือจะใช้สเปรย์น้ำมันฉีดก็ได้ค่ะ แล้วก็น้ำกระดาษสำหรับอบขนมมาวางไว้ด้านใน
  2. เริ่มทำส่วนผสมแห้งโดยนำเกลือ ผงฟู แป้งอเนกประสงค์ กาแฟผง และผงโกโก้มาผสมกันในถ้วย และตั้งพักไว้
  3. ต่อมาก็ทำส่วนผสมเปียก นำเนยและน้ำตาลมาตีให้เข้ากันจนฟู แล้วจึงเทไข่ วานิลลาสกัด และนมลงไปแล้วตีให้เข้ากัน ท้ายสุดจึงนำช็อกโกแลตดำแบบเหลวเทผสมลงไปและตีให้เข้ากัน
  4. นำส่วนผสมแห้งและส่วนผสมเปียกมาผสมกัน เอาแค่พอให้เข้ากัน ถ้าตีแป้งมากจนเกินไป เพื่อนๆจะได้บราวนี่ที่เหนียวค่ะ หลังจากนั้นก็นำถั่ววอลนัทและช็อกโกแลตชิพขาวมาคลุกเคล้าให้เข้ากัน
  5. เทส่วนผสมบราวนี่ลงในถาดที่เตรียมไว้ และนำไปอบ 45 นาที เอาแค่พอถ้าเอาไม้จิ้มฟันจิ้มลงไปในบราวนี่และดึงออกมา จะมีเนื้อบราวนี่ติดออกมานิดหน่อย 


  6. เมื่ออบเสร็จแล้ว นำออกมาและวางไว้ในถาดให้เย็นประมาณ 15 นาทีแล้วจึงนำออกมาจากถาดต่อไว้ให้เย็นอีกสัก 2 ถึง 3 ชั่วโมง เมื่อเย็นแล้ว ค่อยตัดแบ่งเป็นชิ้นๆ ของบัว บัวแบ่งได้ 12 ชิ้นค่ะ ถ้ายังไม่ทานเลยให้เก็บไว้ในภาชนะสูญญากาศและเก็นไว้ในตู้เย็น

ฟัดจ์บราวนี่เหมาะกับการทานตอนอุ่นๆ วิธีการอุ่นบราวนี่ที่เก็บไว้ในตู้เย็นนั้นง่ายมาก แค่นำเข้าเตาอบที่อุ่นเตรียมไว้แล้วที่ 150 องศาเพียง 2 ถึง 3 นาทีค่ะ คุณพ่อกับคุณแม่บัวชอบทานกับกาแฟดำหรือชาร้อน แต่ส่วนตัวแล้วบัวชอบทานกับไอศกรีมวานิลลาสักก้อน เพื่อนๆชอบทานฟัดจ์บราวนี่แบบไหนคะ 

จนกว่าจะถึงคราวหน้า ขอให้สนุกกับการทำอาหารค่ะ <3 <3 <3

* --- * ---- * ---- * --- * ---- * ---- * --- * ---- * ---- * --- * ---- * ---- *

Lately, I have been enjoying baking snacks and desserts for friends and loved ones. These Fudge Brownies have been requested by a few friends for this upcoming Saturday. I thought I should share this recipe with you guys. This recipe I adapted from Fudgy Brownies by non other than my fav YouTube Chef Laura Vitale and Best Cocoa Brownies by Smitten Kitchen. Here you things you will need.

  • 200 g Unsalted Butter, at room temperature 
  • 200 g Dark Chocolate, melted 
  • 250 g Sugar 
  • 75 ml Milk 
  • 2 Teaspoons of Vanilla Extract 
  • 1/4 Teaspoon of Salt 
  • 1/2 Teaspoon of Baking Powder 
  • 80 g Cocoa Powder 
  • 3 Large Eggs, Cold 
  • 1/2 Teaspoon of Instant Espresso Powder 
  • 70 g All Purpose Flour 
  • 80 g Walnuts 
  • 70 g White Chocolate Chips 
Once you have all the ingredients, follow these steps.
  1. Preheat your oven to 170 Celsius. Spray your pan or oven safe container you will bake your brownies in and line parchment paper. 
  2. Dry Mixture. In a bowl, lightly toss all purpose flour, cocoa powder, baking powder, salt and expresso powder together until they are some what mixed. Then set aside. 
  3. Wet Mixture. In a large bowl, beat unsalted butter and sugar together until fluffy. Then add eggs, vanilla extract and milk and mix until combines. Add melted chocolate and again mix until combine. Make sure your melted chocolate is not too hot, otherwise the eggs will be cooked. 
  4. Brownie Dough. Mix wet and dry mixtures together just so they are well combined. Do not over mix. Then add walnuts and white chocolate chips into the dough and use spactular to lightly mix everything again. 
  5. Pour brownie dough into your prepared pan and bake brownies for 45 minutes or until you insert a toothpick and it comes out with few wet crumbs. 
  6. Once baked, take out of the oven and let it cool in the pan for about 15 minutes. Then remove from the pan and let the brownies cool completely on the rack. Let the brownies cool down first before you cut them into pieces. The reason is that you would like to contain most of the moisture as long as possible. To save brownies for later days, place in airtight containers.
These brownies are best eaten when warm, so eat right away or warm them up in a preheated 150 Celsius oven for about 2 or 3 minutes. My parents love to have these brownies with black coffee or tea, but I prefer having them with vanilla icecream or whipped cream. Let me know how do you normally eat your brownies in the comment section below.

Until next time, stay full and stay happy. <3 <3 <3

Tuesday, 12 November 2013

Recipe Talk: Pasta Aglio e Oilio with Prawns

ประมาณสองสามวันที่แล้ว เพื่อนสนิทบัวคนนึงที่ตอนนี้ได้ลัดฟ้าไปอยู่ถึงนิวยอร์คได้รีเควสอาหารสูตรพาสต้าที่ไม่มีครีม ไม่ใส่ผักชิ้นใหญ่ๆ และก็ต้องทำได้ง่าย คิดไปคิดมาก็ได้มาจบลงที่สูตร "พาสต้ากระเทียมและกุ้ง" จริงๆแล้วพาสต้า Aglio e Oilio แปลจากภาษาอิตาเลี่ยนได้ประมาณว่า พาสต้ากระเทียมและน้ำมันมะกอก เพราะฉะนั้นสิ่งที่ขาดไม่ได้เลยในพาสต้าชนิดนี้ก็จะเป็นกระเทียมและน้ำมันมะกอก แต่ละคนก็จะมีสูตรที่แตกต่างกัน บ้างก็จะแค่มีส่วนผสมสองอย่างนี้ บ้างก็จะเพิ่มพริกป่นหลากหลายชนิดและเนื้อสัตว์ชนิดต่างๆ สูตรที่บัวนำเสนอวันนี้ ได้ถูกปรับมาจากสูตร Spaghetti Aglio e Oilio ของเชฟโปรดของบัว เชฟ Laura Vitale ถ้าพร้อมแล้ว เรามาดูส่วนผสมกันค่ะ


  • น้ำมันมะกอก 8 ช้อนโต๊ะ
  • กระเทียมหั่นบาง 35 กรัม
  • ถั่วไพน์นัท 100 กรัม
  • ชีสพาเมซานขูด 50 กรัม
  • พาสลี่ย์สับ (บัวใช้แบบแห้ง เพราะหาแบบสดแถวๆบ้านไม่ได้) 2 ช้อนโต๊ะ
  • เส้นเฟตตูชินี่แห้ง 250 กรัม
  • พริกคาเยน 1 ช้อนชา (หรือพริกป่นธรรมดาก็ได้ แต่อาจจะลดปริมาณลงเหลือสัก 1/4 ช้อนชา)
เมื่อมีส่วนผสมครบแล้ว เรามาเริ่มกันเลยค่ะ

  1. ต้มน้ำในหมอใบใหญ่ให้เดือด ใส่เกลือประมาณ 1 ช้อนโต๊ะ เมื่อน้ำเดือดแล้ว ให้ใส่เส้นพาสต้าที่ชอบลงไป ต้มประมาณ 8 นาที หรือตามที่ข้างกล่องบอก
  2. ระหว่างต้มพาสต้า เพื่อนๆก็ใส่น้ำมันมะกอกกับกระเทียมลงไปในกระทะ ผัดให้กระเทียมสีทองสวยงาม


    จากนั้นใส่พริกคาเยนและถั่วไพน์นัทลงไป ผัดต่อจนถั่วมีสีน้ำตาลทอง จากนั้นยกลงจากไฟและพักไว้
  3. เมื่อพาสต้าสุกก็เทน้ำออก ใส่ส่วนผสมในข้อ 2 ลงไปและคลุกเคล้าให้ทั่ว 
  4. เสริฟบนจาน และโรยพาเมซานชีสประมาณ 1 ช้อนโต๊ะบนหน้าพาสต้า จากนั้นก็ทานให้อร่อย

สูตรนี้ทั้งง่ายและอร่อย รับรองว่าต้องรักอาหารจานนี้อย่างแน่นอนค่ะ ถ้าใครลองทำแล้วมีข้อแนะนำหรือติชม ก็บอกบัวได้ทางด้านล่างโพสนี้ได้เลยค่ะ ^____^

จนกว่าจะถึงคราวหน้า ขอให้สนุกกับการทำอาหารนะคะ  <3 <3 <3

* --- * --- * --- * --- * --- * --- * --- * --- * --- * --- * --- * --- *

A few days ago, a very good friend of mine requested a pasta recipe that is not creamy, no chunky veggies and easy to make. I have just the recipe for him... "Pasta Aglio e Olio with Prawns". 


The recipe is adapted from Spaghetti Aglio e Olio by my favorite Laura Vitale, and yields 4 servings. If you are ready, here are the things you will need. 
  • 8 Tablespoons of Olive Oil 
  • 35 g Garlic (sliced thinly)
  • 100 g Pine Nuts
  • 50 g Grated Parmesan Cheese
  • 2 Tablespoons of Chopped Parsley (I used dried ones because I couldn't find fresh parsley near home.)
  • 250 g Fettucinne (or any string pasta you like).
  • 1 Teaspoon of Cayenne Pepper 
Once you have everything, here is how you make your pasta aglio e olio.
  1. Cook pasta by boiling water and adding generous amount of salt. I normally go by 1 tablespoon. Bring your salted water to boil and then add pasta for 8 minutes or per instruction on the package.
  2. In a large pan, heat olive oil and garlic until golden (Laura Vitale's recipe suggests 5 minutes). Then add pine nuts and cayenne pepper, and continue to cook until pine nuts are golden brown. Set aside.
  3. Once the pasta is cooked and drained, add in the garlic oil mixture and toss until pasta strings are all covered with the mixture. 
  4. Put on plates and sprinkle a tablespoon or more of grated parmesan cheese on top of each plate. Then you are ready to enjoy your pasta! 
Give this pasta recipe a go. You will fall in love. Such a satisfying and delicious dinner. Any comment and suggestion, let me know below. ^____^

Until next time, stay full and stay happy. <3 <3 <3 

Sunday, 10 November 2013

Recipe Talk: Apple Pie Overnight Oatmeal

สวัสดีค่า วันนี้บัวเอาสูตรโอ๊ตมีลมาฝากกันอีกแล้ว ขอเรียกสูตรนี้ว่า "โอ๊ตมีลพายแอปเปิ้ล" รสชาติคล้ายคลึงกับไส้พายแอปเปิ้ลค่ะ สูตรนี้ทั้งง่าย ทำได้อย่างรวดเร็ว และทำข้ามคืนไว้ทานตอนเช้าได้ค่ะ ส่วนตัวแล้วบัวจะทำทีไว้หลายๆกล่องค่ะ เก็บไว้ในตู้เย็นแล้วค่อยๆเอาออกมาทานทีละกล่องตอนเช้า ถ้าใครสนใจ ด้านล่างเป็นสิ่งที่เพื่อนๆต้องเตรียมไว้สำหรับการทำโอ๊ตมีลพายแอปเปิ้ล 1 ที่ค่ะ

  • แอปเปิ้ล (หั่นแบบลูกเต๋าหรือจะแค่หั่นเป็นชิ้นเล็กก็ได้ค่ะ) 70 กรัม ... ถ้าไม่สะดวก ก็ใช้ทั้งลูกเลยก็ได้ค่ะ แต่เอาแบบลูกเล็กหน่อย
  • โอ๊ตมึล 20 กรัม
  • ถั่วพีแคน (หั่นครึ่ง) 10 กรัม
  • อบเชยป่น 1 ช้อนชา
  • ขิงป่น 1/4 ช้อนชา
  • เกลือ 1/8 ช้อนชา
  • เม็ดแมงลัก 1 ช้อนโต๊ะ
  • วานิลลาสกัด 1 ช้อนชา
  • น้ำเชื่อมเมเปิ้ล 1 ช้อนโต๊ะ
  • นมอัลมอนด์ (หรือนมชนิดใดก็ได้ตามความชอบ) 150 มิลลิลิตร... ถ้าไม่ชอบให้โอ็ตมีลเหนียวมากก็เพิ่มนมได้ตามใจชอบค่ะ
  • ซอสแอปเปิ้ล 60 กรัม
เมื่อมีทุกอย่างพร้อมแล้ว ก็เพียงแค่ผสมทุกอย่างเข้าด้วยกันและก็เอาเข้าไมโครเวฟสัก 45 วินาที แต่ถ้าใครไม่ชอบใช้ไมโครเวฟ ก็แค่เปลี่ยนไปอุ่นในหม้อบนไฟกลางประมาณ 2 - 3 นาทีค่ะ ก่อนนำเข้าภาชนะสูญญากาศ รอให้โอ๊ตมีลเย็นตัวแล้วจึงเก็บไว้ในภาชนะและในตู้เย็น เพียงแค่นี้ตอนเช้าก็ไม่ต้องวุ่นวายทำอะไรมาก แค่เปิดภาชนะและทานได้เลย


จนกว่าจะถึงคราวหน้า ขอให้สนุกกับการทำอาหารนะคะ <3 <3 <3

* --- * --- * --- * --- * --- * --- * --- * --- * --- * --- * --- * --- * 

To add to the list of my overnight oatmeal recipes, here is Apple Pie Overnight Oatmeal. Simple, easy and can be prepared prior to the busy mornings. Personally, I normally make 4 or 5 servings in a roll because it is faster for me in the morning as I can just grab and go run my errands. 


If you are interested, here are the ingredients you need for 1 serving.
  • 70 g Apple (Chopped or Diced... I did freestyle chopping... Lol)
  • 20 g Oat
  • 10 g Pecan (Halved)
  • 1 Teaspoon of Gound Cinnamon
  • 1/4 Teaspoon of Ground Ginger
  • 1/8 Teaspoon of Salt
  • 1 Teaspoon of Sweet Basil Seeds or Chai Seeds 
  • 1 Teaspoon of Vanilla Extract
  • 1 Tablespoon of Maple Syrup
  • 150 ml Almond Milk (or milk of your choice)
  • 60 g Applesauce 
Once you have everything, simply stir them up together and microwave for around 45 seconds. However, you are not happy using microwave, just stir everyting together in a pot over medium heat for a few minutes. Before you put in airtight containers, make sure your oatmeal is cooled. Store in a refridgerator and enjoy in the morning. 

Until next time, stay full and stay happy. <3 <3 <3

Wednesday, 6 November 2013

Quiet Moments @ Shoten Sushi

ถ้าใครถามบัวว่าไปร้านซูชิไหนบ่อยสุดในกรุงเทพฯ บัวคงต้องตอบว่าเป็นร้าน Shoten Sushi เพราะว่าร้านมีขนาดกระทัดรัด มีโต๊ะแค่เพียง 2 - 3 โต๊ะและมีที่นั่งด้านเค้าเตอร์ประมาณ 7 ที่ และเพราะว่าบัวชอบที่บัวสามารถมีเวลาส่วนตัวเงียบๆที่จะดื่มดำกับรสชาติอาหารได้แบบไม่ต้องมีใครหรือเสียงอะไรมารบกวน สนใจบรรยากาศแบบนี้ไหมคะ ถ้าสนใจร้าน Shoten Sushi อยู่ใกล้กับสถานี BTS สนามเป้ามาก อยู่ระหว่างทางออก 2 และ 4 ค่ะ ไปด้วย BTS จะง่ายกว่าเพราะไม่ต้องวุ่นวายกับเรื่องที่จอดรถ เพราะที่จอดมีจำกัด ถ้าจะไปกับเพื่อนหลายๆคน แนะนำให้โทรไปจองโต๊ะก่อนนะคะ (เบอร์ 091-428-2456) ภาพที่บัวลงต่อไปนี้เป็นสิ่งบัวสั่งอยู่เกือบทุกครั้งที่ไป อาจจะจำนวนน้อยลงบ้าง แต่เป็นซูชิที่บัวสั่งบ่อยๆค่ะ อ่อ! ต้องบอกก่อนว่ารูปด้านล่างนี้ถ่ายคนละเวลากัน พร้อมแล้วไปดูกันเลย

If I have to tell you which sushi bar I go to most often in Bangkok, I would say Shoten Sushi. I like the size of the place, a few tables and about 7 seats at the counter, allowing me to have quiet moments while enjoying my sushi. Interested? Shoten Sushi is located very close to BTS Sanam Pao station between exit 2 and 4. I find taking BTS is the best way to go there as the parking is limited. If you are going in a big group, I suggest calling them first (at 091-428-2456) to reserve a table. If you are ready, here are some of the sushi I love! Please note that these pictures below were taken at different times. If you are ready, here we go! 

Top: Shoten Sushi (Left), Customized Sushi Set (Middle), Buta-ko (Right)
Middle: Sets (Left), Akami Don (Right)
Bottom: Oyster in Sauce (Left), Oyster Sushi & Kani Miso Sushi (Middle), Gindara Sushi (Right)

Top: Sanma Sushi (Left), Akami Tataki Sushi (Middle), Mentaiko Sushi (Right)
Middle: Canadian Lobster (Left), Canadian Lobster Sashimi (Right)
Bottom: Butter Canadian Lobster (Left),  Enormous Anago Sushi (Middle), Green Tea Icecream (Left) 
Slightly Torched Matsuzaka Sushi

นอกเหนือจากที่อยู่ในรูปภาพแล้ว สิ่งที่บัวชอบมากของที่นี้คือ ซูชิตับห่านที่มาพร้อมกับมะม่วงชิ้นเล็กๆและซอสหวาน เป็นเมนูที่บัวไม่เคยพลาดเลยสักครั้ง อ้อ! ที่ลืมบอกไม่ได้คือซูชิมันปูมาพร้อมกลิ่นเลมอนอ่อนๆที่ทำให้รสชาติและกลิ่นที่แรงของมันปูกลายเป็นกลมกล่อมและหอมละมุน แนะนำให้ทานเป็นคำท้ายๆ กลิ่นจะได้ไม่ไปกลบซูชิหรืออาหารอย่างอื่นค่ะ ถ้าเพื่อนๆตัดสินใจไปทานที่ร้าน Shoten Sushi แล้วละก็ ลองทักทายหุ้นส่วนเจ้าของร้านดูและถามว่ามีอะไรพิเศษให้ลองบ้างรึเปล่า บ้างทีเพื่อนๆอาจจะได้ทานอาหารอร่อยที่ไม่มีอยู่ในเมนูก็เป็นได้ค่ะ 

Apart from those in the pictures, I totally love Foie Gras Sushi with a slice of mango and sweet sauce. They are always in my order whenever I drop by Shoten. Kani Miso sushi her is different. You get a little hint of lemon which brings out the round but yet sharp aroma of Kani Miso. Give these a go if you decided to drop by Shoten Sushi. If you feel a bit advanturous, ask the owner the specials of the day and you will be on a small food advanture.  


Akami Don in making

เรื่องราคาโดยรวมของร้านจะอยู่ประมาณกลางๆ แต่บิลของแต่ละมื้อก็ขึ้นอยู่กับว่าเพื่อนๆสั่งอะไรทานค่ะ บริการเป็นกันเอง บรรยากาศไม่วุ่นวาย เหมาะกับการมากับเพื่อนจำนวนไม่มากไว้สังสรรค์ และการคุยธุรกิจค่ะ คราวหน้าถ้าอยากทานซูชิ ลองแวะไปที่ Shoten Sushi ดูนะคะ 

About the overall price, I would say it is about mid range. However, the total bill depends on the dishes you order as well. Shoten Sushi, like I mentioned earlier, is not a busy restaurant, but rather a place where you can find peace. Great for small gatherings and business talk. Even if you fancy a slightly private dinner with your loved ones, this is a good place as well. So... Next time you feel like going for sushi, give Shoten Sushi a try. Let me know what you think down below.  

จนกว่าจะถึงคราวหน้า stay full and stay happy <3 <3 <3

Until next time, stay full and stay happy. <3 <3 <3

Tuesday, 5 November 2013

Recipe Talk: Crunchy M&M Cookies

หลังจากห่างหายจากการบล็อกไปมากกว่า 1 อาทิตย์ บัวกลับมาพร้อมกับสูตรคุกกี้แบบกรอบที่มีส่วนผสมของช็อกโกแลตเม็ดกระดุมที่คนไทยคุ้นเคยกันดี เจ้าคุกกี้นี้เรียกว่า "คุกกี้เอ็มแอนด์เอ็ม


โดยส่วนตัวแล้ว บัวเป็นคนชอบคุกกี้นิ่ม แต่ว่าสูตรนี้อร่อย กรอบ และหอมมากเกินกว่าที่จะไม่มาแชร์กับเพื่อนๆ สูตรนี้ปรับมาจากสูตร M&M Cookies ของเชฟสุดโปรดของบัว Laura Vitale ถ้าพร้อมแล้ว ด้านล่างนี้เป็นสิ่งที่เพื่อนๆต้องใช้ในการทำคุกกี้ค่ะ

  • แป้งอเนกประสงค์ 220 กรัม
  • เกลือ 1 ช้อนชา
  • เบกกิ้งโซดา 1 1/2 ช้อนชา
  • ไข่ 1 ใบ
  • วานิลลาสกัด 2 ช้อนชา
  • เนยจืด 225 กรัม (ทิ้งไว้ที่อุณหภูมิห้อง)
  • น้ำตาล 115 กรัม
  • น้ำตาลทรายแดง 110 กรัม
  • เอ็มแอนด์เอ็ม ชนิดนม 300 กรัม

ถ้ามีทุกอย่างครบแล้ว เรามาเริ่มกันเลยค่ะ

  • เหมือนเคย อุ่นเตาอบไว้ที่ 190 องศา และวางกระดาษสำหรับอบขนมไว้บนถาดอบขนม
  • เริ่มผสมส่วนผสมแห้ง โดยคลุกเคล้าแป้งอเนกประสงค์ เกลือ และเบกกิ้งโซดาเข้าด้วยกัน
  • ตีเนย น้ำตาล และน้ำตาลทรายแดงเข้าด้วยกันจนฟู แล้วค่อยใส่ไข่และวานิลลาสกัดเข้าไปผสม ตีต่ออีกประมาณ 1 นาทีหรือจนส่วนผสมเปียกเนียน
  • นำส่วนผสมแห้ง ส่วนผสมเปียก และเอ็มแอนด์เอ็มมาผสมพอให้เข้ากันดูเป็นเนื้อเดียว เพียงเท่านี้เพื่อนๆก็จะได้คุกกี้โดว์ไว้อบแล้ว สามาระเก็บไว้ในตู้เย็นแล้วค่อยๆอบที่ละน้อยก็ได้ค่ะ * ระวัง * ถ้าไม่อยากทานคุกกี้แบบแข็งและเหนียว ก็พยายามอย่าผสมในขั้นตอนนี้มากจนเกินไป
  • ใช้ที่ตักไอศกรีมหรือช้อนแบ่งคุกกี้โดว์ให้เท่าๆกันไว้บนถาดอบ 
  • การอบเราต้องอบ 2 ครั้งด้วยกัน ครั้งแรกเพื่อให้คุกกี้สุดและพองตัว ครั้งที่สองเพื่อไล่ความชื่นออกจากคุกกี้เพื่อที่เราจะได้คุกกี้กรอบ ถ้าใครชอบแบบนิ่มก็อบเพียงครั้งเดียว * ครั้งที่ 1 * อบที่อุณหภูมิ 190 องศา เป็นเวลา 11 นาที หลังจากนั้นนำออกจากเตาอบและทิ้งให้เย็น * ครั้งที่ 2 * อบที่อุณหภูมื 150 องศา เป็นเวลา 10 นาที 
  • หลังจากการอบแล้ว ทิ้งคุกกี้ให้เย็นก่อนนำเข้าเก็บในกล่องสูญญากาศ คุกกี้สามารถอยู่ได้ถึง 5 วันหรืออาจจะนานกว่านั้นขึ้นอยู่กับวิธีการเก็บค่ะ

สูตรนี้จะสามาระทำคุกกี้ออกมาได้ถึง 2 โหลด้วยกัน แต่จำนวนชิ้นก็ขึ้นอยู่กับขนาดของคุกกี้ค่ะ ใครที่ลองทำสูตรนี้แล้ว มีข้อเสนอแนะหรือติชมยังไงก็บอกกันได้ทางด้านล่างนี้นะคะ

จนกว่าจะถึงคราวหน้า ขอให้สนุกกับการทำอาหารค่ะ <3 <3 <3

* --- * --- * --- * --- * --- * --- * --- * --- * --- * --- * --- * --- *

This recipe is for all you crunchy cookie lovers. Although I personally prefer soft and gooey cookies, this M&M cookies recipe is one of the exceptions. 


This M&M cookies recipe is adapted from M&M Cookies by Laura Vitale, my all time favorite YouTube chef. If you are ready, here are things you need. 
  • 220 g All Purpose Flour
  • 1 Teaspoon of Salt
  • 1 1/2 Teaspoon of Baking Soda
  • 1 Egg
  • 2 Teaspoons of Vanilla Extract
  • 225 g Unsalted Butter (at room temperature)
  • 115 g Sugar
  • 110 g Brown Sugar
  • 300 g Milk Chocolate M&M
Once you have everything, let's get started.
  • Preheat oven to 190 Celsius. Line your baking tray with parchment paper.
  • Dry Mixture. Add together all purpose flour, salt and baking soda together.
  • Wet Mixture. Cream sugar and unsalted butter together until fluffy. Then add egg, vanilla extract, sugar and brown sugar and mix until smooth.
  • Cookie Dough. Pour the dry mixture and M&M into the wet mixture and stir until everything is combined. * Note * Do not over work the flour by over mixing the cookie dough. Otherwise you will end up with tough cookies.
  • Use an ice-cream scoop to evenly distribute the cookies dough in each cookie. Then bake your bookies for 11 minutes. * Note * If you would like crunchy cookies, after the first bake, let the cookies cool down completely and then bake again at 150 Celsius for another 10 minutes.
With this recipe, I get 24 M&M cookies, but the number of cookies depends on how big or small they are. They are great with a glass of milk to give you that little sugar kick to keep you going. Give the recipe a try and let me know what you think down below. 

Until next time, stay full and stay happy. <3 <3 <3

Sunday, 27 October 2013

Recipe Talk: Pumpkin Swirl Blondie

ใครชอบทานบราวนี่ ก็คงจะรู้จักกับบลอนดี้ดี บลอนดี้ก็คือบราวนี่ที่ไม่ใส่ช็อกโกแลตหรือโกโก้ลงไปในตัวเนื้อเค้กนั้นเอง ใครสนใจก็สามารถอ่านเรื่องบราวนี่และบลอนดี้ ก็คลิ๊กไปอ่าน "บราวนี่ กับ บลอนดี้ (Brownie & Blondie) ความอร่อยของขนมเนื้อแน่น..นุ่มและชุ่มชื้น" ได้เลยค่ะ แต่วันนี้บัวอยากจะนำเสนอสูตร "บลอนดี้ฟักทอง (Pumpkin Swirl Blondies)" ของ Laura Vitale สูตรนี้ทั้งอร่อยและง่ายมาก ระหว่างการอบบลอนดี้นั้น ห้องครัวจะคลุ้งไปด้วยกลิ่นที่ทั้งหวานและอบอุ่น


บัวปรับจำนวนและอัตราส่วนในสูตรนิดหน่อยเพราะบัวอยากจะทำบลอนดี้ออกมาไม่เยอะมาเหมือนในสูตรของ Laura Vitale บัวหารครึ่งอัตราส่วนในสูตรเดิมค่ะ ถ้าพร้อมแล้วมาดูอัตราส่วนส่วนที่บัวปรับกันเลยนะคะ อัตราส่วนบัวปรับให้อยู่ในรูปแบบน้ำหนักแทนที่จะบอกเป็นถ้วยตวง สูตรนี้ทำได้ 6 ชิ้น

สำหรับเนื้อบลอนดี้

  • แป้งอเนกประสงค์ 60 กรัม
  • ผงฟู 1/2 ช้อนชา
  • เกลือ 1/8 ช้อนชา
  • น้ำตาลทรายแดง 50 กรัม
  • น้ำตาล 28 กรัม
  • เนยจืด (ปล่อยให้อยู่ในอุณหภูมิห้อง) 60 กรัม
  • วานิลลาสกัด 1/2 ช้อนชา
  • ช็อกโกแลตชิพ 88 กรัม

สำหรับฟักทอง
  • ฟักทองบดละเอียด 80 กรัม
  • น้ำตาล 20 กรัม
  • เครื่องเทศพายฟักทอง 1/2 ช้อนชา
สำหรับวิธีทำ ไปดูที่ Pumpkin Swirl Blondies ได้เลยค่ะ Laura Vitale มีคลิปยูทูปบอกวิธีการทำอยู่ในโพสนี้ของเค้าด้วย ทำง่ายและใช้เวลาไม่นานค่ะ เอาไว้ทานเป็นอาหารเช้าหรืออาหารทานเล่นก็ได้ค่ะ 

จนกว่าจะถึงคราวหน้า ขอให้มีความสุขกับการทำอาหารค่ะ <3 <3 <3

* --- * --- * --- * --- * --- * --- * --- * --- * --- * --- * --- * --- *

Today I would like to introduce you to Laura Vitale's Pumpkin Swirl Blondies as a part of the Pumpkin Recipe Series. Her recipe is insanely delicious and super easy to bake. I personally guarantee that this recipe will make your kitchen smells divine!


However, instead of white chocolate chips, I used semi-sweet chocolate chips that I usually have in my storage. Also instead of making the whole batch which yields 16 squares, I just ended up dividing everything in half because I would not be able to finish the whole 16 blondie suqares all by myself. The following recipe is half of Laura Vitale's recipe and converted to the metric measurement. If you are ready, here we go.

Make 6 Squares

For the Blondie Base:
  • 60 g All Purpose Flour
  • 1/2 Teaspoon of Baking Powder 
  • 1/8 Teaspoon of Salt
  • 50 g Brown Sugar
  • 28 g Sugar
  • 60 g Unsalted Butter, at room temperature
  • 1/2 Teaspoon of Vanilla Extract
  • 1 Egg
  • 88 g Chocolate Chips
For the Pumpkin Swirl:
  • 80 g Pumpkin Puree
  • 20 g Granulated Sugar
  • 1/2 Teaspoon of Pumpkin Pie Spice
For the instruction, just head to Laura Vitale's Pumpkin Swirl Blondies. She has a video to instruct you on how to bake these blondies. These blondies are perfect for breakfast or afternoon snack. 

Until next time, stay full and stay happy. <3 <3 <3

Saturday, 26 October 2013

Recipe Talk: Pumpkin Overnight Oatmeal

สวัสดีค่ะ บัวกลับมาแล้วพร้อมกับสูตรที่ 3 ในซีรีย์สูตรอาหารจากฟักทอง บัวขอเรียกสูตรนี้ว่า "โอ๊ตมีลฟักทอง" 


สูตรนี้สามารถทำได้ในระยะเวลาอันสั้นและสามารถเตรียมไว้ล่วงหน้าเพื่อทานเป็นอาหารเช้าได้ ใช้เวลาไม่ถึง 15 นาที สูตรนี้เป็นสูตรสำหรับมื้อเดียวและคนเดียวทาน ถ้าเพื่อนๆต้องการทำเพื่อจำนวนคนหรือจำนวนมื้อที่มากกว่าหนึ่งคนหรือหนึ่งมื้อ ก็แค่คูณจำนวนคนหรือมื้อไปในแต่ละส่วนผสม โอ๊ตมีลฟักทองนี้ให้พลังงานแค่ 315 แคลอรี่แต่ทำให้อิ่มไปได้จนเที่ยง น่าสนใจใช่ไหมคะ พร้อมแล้วเรามาดูกันว่าเพื่อนๆต้องใช้อะไรบ้าง



  • โอ๊ตมึล 35 กรัม
  • ฟักทองบดละเอียด 125 กรัม
  • นมถั่วเหลือง (หรือนมชนิดใดก็ได้ที่เพื่อนๆชอบ) 100 มิลลิลิตร
  • แครนเบอร์รี่อบแห้ง 40 กรัม
  • เครื่องเทศพายฟักทอง 1 ช้อนชา
  • รสวานิลลา 1 ช้อนชา



วีธีทำก็ง่ายนิดเดียว เพียงแค่ผสมทุกอย่างเข้าด้วยกันและเก็บไว้ในตู้เย็นข้ามคืน (ในกรณีทำไว้สำหรับทานหลายๆ ก็สามารถเก็บไว้ได้หลายคืน ^___^ ) ตอนเช้าก็เพียงแค่เอาช้อนออกมาและมีความสุขกับอาหารเช้าเพื่อสุขภาพแสนอร่อยได้ 

จนกว่าจะถึงคราวหน้า ขอให้สนุกกับการทำอาหารค่ะ <3 <3 <3 


* --- * --- * --- * --- * --- * --- * --- * --- * --- * --- * --- * --- *


What do you usually have for breakfast? For me, apart from fruity green smoothies and eggs, I usually go for overnight oatmeal. Overnight oatmeal breakfasts could be made a week in advance so you can just grab your oatmeal to go. It is easy and does not take more than 15 minutes to prepare. 


Now I have just the overnight oatmeal recipe that fits right into the Pumpkin Recipe Series. I would like to call this recipe "Pumpkin Overnight Oatmeal". This recipe yields just one serving so if you would like to prepare for the rest of your week, simply multiply the number of servings you want to the ingredients you need. Also this recipe only gives you 315 calories, but fills your stomach until lunch time. If you are ready, here are ingredients you need.


  • 35 g Oatmeal
  • 125 g Pumpkin Puree
  • 100 ml Soy Milk (or you can just use milk)
  • 40 g Dried Cranberries
  • 1 Teaspoon of Pumpkin Pie Spice
  • 1 Teaspoon of Vanilla Flavor



One you have everything, just mix everything together and store in a container in the fridge for a night or longer if you want. In the morning, just simply take out your spoon and enjoy your oatmeal. 

Until next time, stay full and stay happy. <3 <3 <3

Thursday, 17 October 2013

Recipe Talk: Soft Pumpkin Choc-Chip Oatmeal Cookies

สูตรที่สองในซีรีย์สูตรอาหารจากฟักทองก็คือ "คุกกี้ฟักทองกับช็อกชิพโอ๊ตมีล" ถ้าใครสนใจลองสูตรแรก (คัพเค้กฟักทอง) ก็ลองคลิ๊กเข้าไปอ่านดูได้ค่ะ 



สูตรคุกกี้นี้บัวปรับมาจากสูตร Chewy Pumpkin Oatmeal Cookies ของ Sally แห่งบล๊อก Sally's Baking Addiction ค่ะ กลับมาที่สูตรคุกกี้ของบัว ถ้าพร้อมแล้ว มาดูกันเลยค่ะว่าต้องใช้อะไรบ้าง

  • แป้งอเนกประสงค์ 225 กรัม
  • น้ำตาล 60 กรัม
  • น้ำตาลทรายแดง 120 กรัม 
  • โอ๊ตมีล 50 กรัม
  • ช็อกโกแลตชิพ 150 กรัม
  • แครนเบอร์รี่อบแห้ง 60 กรัม
  • ผงฟู 1 ช้อนชา
  • เบกกิ้งโซดา 1/2 ช้อนชา
  • เครื่องเทศพายฟักทอง (Pumpkin Spice) 3 ช้อนชา 
  • เกลือ 1/8 ช้อนชา
  • วานิลลาสกัด (Vanilla Extract) 2 ช้อนชา
  • ซอสแอปเปิ้ล 50 กรัม
  • ฟักทองบดละเอียด 250 กรัม
  • ไข่ 1 ฟอง
  • น้ำมันมะกอก 4 ช้อนโต๊ะ

เมื่อมีส่วนผสมพร้อมแล้ว เรามาเริ่มกันเลยนะคะ 


  1. อุ่นเตาไว้ที่ 180 องศา
  2. เริ่มทำส่วนผสมแห้งโดยการผสมแป้ง น้ำตาล น้ำตาลทรายแดง ผงฟู โอ๊ตมีล เบกกิ้งโซดา เครื่องเทศพายฟักทอง และเกลือเข้าด้วยกัน
  3. ผสมซอสแอปเปิ้ล วานิลลาสกัด ฟักทองบดละเอียด ไข่และน้ำมันมะกอกเข้าด้วยกัน
  4. ผสมส่วนผสมทุกอันเข้าด้วยกันให้เข้ากันพอดี
  5. เตรียมถาดอบโดยนำกระดาษเคลือขี้ผึ้งวางลงบนถาด
  6. ใช้ช้อนตักคุกกี้โดว์วางลงบนถาด แบ่งให้เท่าๆกันให้ได้ 24 ชิ้น
  7. อบคุกกี้ประมาณ 20 นาที
  8. นำออกจากเตาอบและวางให้เย็น


การันตีเลยว่าสูตรคุกกี้นี้จะทำให้ห้องครัวของเพื่อนๆมีกลิ่นหอมของช็อกโกแลตและเครื่องเทศฟังทอง กลิ่นที่ทั้งหวานและอบอุ่น ลองทำคุกกี้สูตรนี้ดูนะคะ ถ้าลองแล้วมีคำแนะนำให้บัว ก็ทิ้งคอมเม้นไว้ที่ด้านล่างได้เลยค่ะ

จนกว่าจะถึงคราวหน้า ขอให้สนุกกับการทำอาหารค่ะ <3 <3 <3



* --- * --- * --- * --- * --- * --- * --- * --- * --- * --- * --- * --- *


Continuing the Pumpkin Recipe Series, the second recipe is called "Soft Pumpkin Choc-Chip Oatmeal Cookies". Check out the first recipe, Pumpkin Cupcakes with Cream Cheese Frosting, in this series by just clicking on the link. 






This recipe is my version of Chewy Pumpkin Oatmeal Cookies by Sally of Sally's Baking Addiction. Check out her blog for more cookie recipes. ... Back to my pumpkin choc-chip oatmeal cookies. If you are ready, here are things you need.

  • 225 g All Purpose Flour
  • 60 g Sugar
  • 120 g Brown Sugar
  • 50 g Oatmeal
  • 150 g Semi-Sweet Chocolate Chips
  • 60 g Dried Cranberries
  • 1 Teaspoon of Baking Powder
  • 1/2 Teaspoon of Baking Soda
  • 3 Teaspoons of Pumpkin Pie Spice
  • 1/8 Teaspoon of Salt
  • 2 Teaspoon of Vanilla Extract
  • 50 g Applesauce
  • 250 g Pumpkin Puree
  • 1 Egg
  • 4 Tablespoons of Olive Oil

Once you have gathered the ingredients, here are the steps.

  1. Preheat your oven to 180 Celsius.
  2. Dry mixture. Toss all purpose flour, sugar, brown sugar, oatmeal, baking powder, baking soda, pumpkin pie spice, salt, semi-sweet chocolate chips and dried cranberries together, and then set aside.
  3. Wet mixture. Combine applesauce, pumpkin puree, vanilla extract, egg and olive oil until smooth.
  4. Cookie dough. Mix dry mixture, wet mixture, semi-sweet chocolate chips and dried cranberries together.
  5. Line baking sheets (or trays) with parchment paper and scoop cookie dough on the prepared baking sheets. You can use a small ice-cream scoop or use a tablespoon. If you decide on using a tablespoon, there are about 2 tablespoons of dough per cookie.
  6. Bake the cookies for about 20 minutes.
  7. Cool on the rack and store in airtight containers.
The recipe makes about 24 cookies. If anyone who loves soft cookies, you will probably enjoy this recipe. Once baked, your kitchen will smell like chocolate and pumpkin spice. Amazingly sweet and warm at the same time. Give it a try and let me know your comments and suggestions on the comment box below.


Until next time, stay full and stay happy. <3 <3 <3